เส้นทางโลจิสติกส์ เพื่อขยายโอกาสการค้าสินค้าผลไม้ของไทย

เส้นทางโลจิสติกส์ เพื่อขยายโอกาสการค้าสินค้าผลไม้ของไทย เส้นทางโลจิสติกส์ เพื่อขยายโอกาสการค้าสินค้าผลไม้ของไทย เส้นทางโลจิสติกส์ เพื่อขยายโอกาสการค้าสินค้าผลไม้ของไทย เส้นทางโลจิสติกส์ เพื่อขยายโอกาสการค้าสินค้าผลไม้ของไทย เส้นทางโลจิสติกส์ เพื่อขยายโอกาสการค้าสินค้าผลไม้ของไทย
เส้นทางโลจิสติกส์ เพื่อขยายโอกาสการค้าสินค้าผลไม้ของไทย
เส้นทางโลจิสติกส์ เพื่อขยายโอกาสการค้าสินค้าผลไม้ของไทย
เส้นทางโลจิสติกส์ เพื่อขยายโอกาสการค้าสินค้าผลไม้ของไทย
เส้นทางโลจิสติกส์ เพื่อขยายโอกาสการค้าสินค้าผลไม้ของไทย
เส้นทางโลจิสติกส์ เพื่อขยายโอกาสการค้าสินค้าผลไม้ของไทย

     ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ กรุงฮานอย เดินทางไปยังจังหวัดหล่างเซิน และกาวบั่ง เพื่อตรวจสอบสถานการณ์การขนส่งสินค้า สำรวจเส้นทางโลจิสติกส์ และความพร้อมของด่านศุลกากรของฝั่งเวียดนาม เพื่อเชื่อมโยงกับฝั่งจีน พบว่าจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด – 19 บริษัทได้รับผลกระทบด้านต้นทุนไม่มากนัก โดยต้นทุนที่เพิ่มสูงขึ้น คือ ค่าตรวจโควิด และค่าน้ำมันที่สูงขึ้น

ข้อมูลด่าน:
1. ด่านหูหงิ (Huu Nghi) อยู่ตรงข้ามกับด่านโหย่วอี้กว่าน เมืองผิงเสียงของจีน : ด่านหูหงิมีแผนที่จะพัฒนาด่าน โดยจะสร้างจุดขนถ่ายสินค้าเพิ่มขึ้นสำหรับรองรับรถสินค้าที่เข้ามาจากจีน ซึ่งจะอยู่ห่างจากด่านประมาณ 4 กิโลเมตร เพื่อให้สามารถขนถ่ายสินค้าได้สะดวกมากขึ้น (ปัจจุบันจุดขนถ่ายสินค้าทั้งรถขาเข้าและออกเป็นจุดเดียวกัน) สถานการณ์การขนส่งสินค้า คนขับรถประจำด่านฝั่งเวียดนามที่เคยมี 200 คน ปัจจุบันลดลงเล็กน้อย เนื่องจากหมดช่วงฤดูผลไม้ทั้งของไทยและเวียดนาม ทำให้รถบรรทุกสินค้าที่ขนส่งผ่านด่านลดลงกว่าช่วงที่ผ่านมา


2. ด่านต่าหลุ่ง (Ta Lung) ซึ่งอยู่ตรงข้ามกับด่านสุยโข่ว เมืองฉงจั่วของจีน : ด่านต่าหลุ่ง ตั้งอยู่ในจังหวัดกาวบั่ง ระยะทางจากด่านหูหงิ ไปด่านต่าหลุ่งประมาณ 108 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ขั่วโมง 45 นาที เป็นเส้นทางถนนเลนเดียวที่ต้องผ่านภูเขา ไม่ขรุขระ แต่มีความคดเคี้ยว ปัจจุบัน มีคนขับรถประจำด่านที่เป็นคนท้องถิ่นประมาณ 30 คน ซึ่งได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด – 19 แล้ว และต้องใส่ชุด PPE ระหว่างขับรถข้ามแดน มีรถขนส่งสินค้าผ่านด่านประมาณ 20 – 40 คันต่อวัน ในช่วง 10 เดือนแรกของปี 2564 มูลค่าการนำเข้าและส่งออกสินค้าผ่านด่านต่าหลุ่ง ประมาณ 98.4 ล้านเหรียญสหรัฐฯ โดยมูลค่าการส่งออก 79.7 ล้านเหรียญสหรัฐฯ และมูลค่าการนำเข้า 18 ล้านเหรียญสหรัฐฯ สินค้าส่งออกสำคัญ เช่น มันเทศ ขนุน ไม้อัด มะม่วง พริกไทย สินค้านำเข้าสำคัญ เช่น ถ่านโค๊ก เครื่องจักรและอุปกรณ์


3. ด่านจ่าลิงห์ (Tra Linh) ซึ่งอยู่ตรงข้ามกับด่านหลงปัง เมืองไป่เซ่อของจีน : ด่านจ่าลิงห์ ตั้งอยู่ในจังหวัดกาวบั่ง ระยะทางจากด่านหูหงิ ไปด่านจ่าลิงห์ ประมาณ 154 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 4 ขั่วโมง เป็นเส้นทางถนนเลนเดียวที่ต้องผ่านภูเขา ไม่ขรุขระ แต่มีความคดเคี้ยว จึงอาจไม่สามารถเร่งความเร็วได้มากนัก  เดิมใช้เป็นด่านสำหรับการค้าและการเดินทางเข้า-ออกของประชาชนและยานพาหนะ แต่เมื่อปี 2562 ได้เปิดจุดผ่อนปรนหน่าด๋อง (Na Doong) เพิ่มอีกแห่งหนึ่งใกล้กับด่านจ่าลิงห์ สำหรับขนส่งสินค้า ปัจจุบันมีคนขับประจำด่าน ประมาณ 70 คน มีรถขนส่งสินค้าผ่านด่านประมาณ 20 – 30 คันต่อวัน ในช่วง 7 เดือนแรกของปี 2564 มูลค่าการนำเข้าและส่งออกสินค้าผ่านด่านจ่าลิงห์ ประมาณ 85.4 ล้านเหรียญสหรัฐฯ โดยมูลค่าการส่งออก 70.49 ล้านเหรียญสหรัฐฯ และมูลค่าการนำเข้า 14.9 ล้านเหรียญสหรัฐฯ สินค้าส่งออกสำคัญ เช่น ขนุน มะม่วง แก้วมังกร เม็ดมะม่วงหิมพานต์ ไม้ พริกแห้ง และอาหารทะเล สินค้านำเข้าสำคัญ เช่น ผ้าทุกชนิด ถ่านโค๊ก เครื่องจักรและอุปกรณ์

ข้อเสนอแนะ:
     ด่านต่าหลุ่ง (ตรงข้ามด่านสุยโข่ว) และด่านจ่าลิงห์ (ตรงข้ามด้านหลงปัง) จังหวัดก่าวบั่ง อยู่ห่างจากด่านหูหงิประมาณ 2 ชั่วโมง 45 นาที และ 4 ชั่วโมงตามลำดับ บริเวณหน้าด่านของทั้ง 2 แห่ง มีบริเวณกว้างขวาง และขณะนี้มีผู้ใช้บริการค่อนข้างน้อย การเดินทาง เป็นเส้นทางภูเขา มีความคดเคี้ยว ไม่สามารถเร่งความเร็วได้มากนัก โดยเฉพาะในช่วงฤดูฝน ที่ทำให้ถนนลื่น และมีดินจากภูเขา อาจเป็นอุปสรรคต่อการจราจรบ้าง

     ในช่วงฤดูผลไม้ ที่ด่านหูหงิมักประสบปัญหาการจราจรหน้าด่าน ผู้ส่งออกสามารถประสานผู้นำเข้าในการเลือกใช้ด่านต่าหลุ่ง (ตรงข้ามด่านสุยโข่ว) และด่านจ่าลิงห์ (ตรงข้ามด้านหลงปัง) ในการขนส่งสินค้าผ่านแดนจากไทยไปยังเขตปกครองตนเองกว่างซีจ้วง ประเทศจีนได้ ทั้งนี้ สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ กรุงฮานอย จะเป็นตัวกลางในการประสานงานกับด่านศุลกากรฝั่งเวียดนาม เพื่ออำนวยความสะดวกให้สินค้าผ่านแดนของไทย และประชาสัมพันธ์ไปยังกลุ่มบริษัทโลจิสติกส์เพื่อพิจารณาเลือกใช้ 2 ด่านนี้เพิ่มเติมต่อไป

 

บทความโดย
นางสาวพรรณกาญจน์ เจียมสุชน
ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ กรุงฮานอย

     ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ กรุงฮานอย เดินทางไปยังจังหวัดหล่างเซิน และกาวบั่ง เพื่อตรวจสอบสถานการณ์การขนส่งสินค้า สำรวจเส้นทางโลจิสติกส์ และความพร้อมของด่านศุลกากรของฝั่งเวียดนาม เพื่อเชื่อมโยงกับฝั่งจีน พบว่าจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด – 19 บริษัทได้รับผลกระทบด้านต้นทุนไม่มากนัก โดยต้นทุนที่เพิ่มสูงขึ้น คือ ค่าตรวจโควิด และค่าน้ำมันที่สูงขึ้น

ข้อมูลด่าน:
1. ด่านหูหงิ (Huu Nghi) อยู่ตรงข้ามกับด่านโหย่วอี้กว่าน เมืองผิงเสียงของจีน : ด่านหูหงิมีแผนที่จะพัฒนาด่าน โดยจะสร้างจุดขนถ่ายสินค้าเพิ่มขึ้นสำหรับรองรับรถสินค้าที่เข้ามาจากจีน ซึ่งจะอยู่ห่างจากด่านประมาณ 4 กิโลเมตร เพื่อให้สามารถขนถ่ายสินค้าได้สะดวกมากขึ้น (ปัจจุบันจุดขนถ่ายสินค้าทั้งรถขาเข้าและออกเป็นจุดเดียวกัน) สถานการณ์การขนส่งสินค้า คนขับรถประจำด่านฝั่งเวียดนามที่เคยมี 200 คน ปัจจุบันลดลงเล็กน้อย เนื่องจากหมดช่วงฤดูผลไม้ทั้งของไทยและเวียดนาม ทำให้รถบรรทุกสินค้าที่ขนส่งผ่านด่านลดลงกว่าช่วงที่ผ่านมา


2. ด่านต่าหลุ่ง (Ta Lung) ซึ่งอยู่ตรงข้ามกับด่านสุยโข่ว เมืองฉงจั่วของจีน : ด่านต่าหลุ่ง ตั้งอยู่ในจังหวัดกาวบั่ง ระยะทางจากด่านหูหงิ ไปด่านต่าหลุ่งประมาณ 108 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ขั่วโมง 45 นาที เป็นเส้นทางถนนเลนเดียวที่ต้องผ่านภูเขา ไม่ขรุขระ แต่มีความคดเคี้ยว ปัจจุบัน มีคนขับรถประจำด่านที่เป็นคนท้องถิ่นประมาณ 30 คน ซึ่งได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด – 19 แล้ว และต้องใส่ชุด PPE ระหว่างขับรถข้ามแดน มีรถขนส่งสินค้าผ่านด่านประมาณ 20 – 40 คันต่อวัน ในช่วง 10 เดือนแรกของปี 2564 มูลค่าการนำเข้าและส่งออกสินค้าผ่านด่านต่าหลุ่ง ประมาณ 98.4 ล้านเหรียญสหรัฐฯ โดยมูลค่าการส่งออก 79.7 ล้านเหรียญสหรัฐฯ และมูลค่าการนำเข้า 18 ล้านเหรียญสหรัฐฯ สินค้าส่งออกสำคัญ เช่น มันเทศ ขนุน ไม้อัด มะม่วง พริกไทย สินค้านำเข้าสำคัญ เช่น ถ่านโค๊ก เครื่องจักรและอุปกรณ์


3. ด่านจ่าลิงห์ (Tra Linh) ซึ่งอยู่ตรงข้ามกับด่านหลงปัง เมืองไป่เซ่อของจีน : ด่านจ่าลิงห์ ตั้งอยู่ในจังหวัดกาวบั่ง ระยะทางจากด่านหูหงิ ไปด่านจ่าลิงห์ ประมาณ 154 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 4 ขั่วโมง เป็นเส้นทางถนนเลนเดียวที่ต้องผ่านภูเขา ไม่ขรุขระ แต่มีความคดเคี้ยว จึงอาจไม่สามารถเร่งความเร็วได้มากนัก  เดิมใช้เป็นด่านสำหรับการค้าและการเดินทางเข้า-ออกของประชาชนและยานพาหนะ แต่เมื่อปี 2562 ได้เปิดจุดผ่อนปรนหน่าด๋อง (Na Doong) เพิ่มอีกแห่งหนึ่งใกล้กับด่านจ่าลิงห์ สำหรับขนส่งสินค้า ปัจจุบันมีคนขับประจำด่าน ประมาณ 70 คน มีรถขนส่งสินค้าผ่านด่านประมาณ 20 – 30 คันต่อวัน ในช่วง 7 เดือนแรกของปี 2564 มูลค่าการนำเข้าและส่งออกสินค้าผ่านด่านจ่าลิงห์ ประมาณ 85.4 ล้านเหรียญสหรัฐฯ โดยมูลค่าการส่งออก 70.49 ล้านเหรียญสหรัฐฯ และมูลค่าการนำเข้า 14.9 ล้านเหรียญสหรัฐฯ สินค้าส่งออกสำคัญ เช่น ขนุน มะม่วง แก้วมังกร เม็ดมะม่วงหิมพานต์ ไม้ พริกแห้ง และอาหารทะเล สินค้านำเข้าสำคัญ เช่น ผ้าทุกชนิด ถ่านโค๊ก เครื่องจักรและอุปกรณ์

ข้อเสนอแนะ:
     ด่านต่าหลุ่ง (ตรงข้ามด่านสุยโข่ว) และด่านจ่าลิงห์ (ตรงข้ามด้านหลงปัง) จังหวัดก่าวบั่ง อยู่ห่างจากด่านหูหงิประมาณ 2 ชั่วโมง 45 นาที และ 4 ชั่วโมงตามลำดับ บริเวณหน้าด่านของทั้ง 2 แห่ง มีบริเวณกว้างขวาง และขณะนี้มีผู้ใช้บริการค่อนข้างน้อย การเดินทาง เป็นเส้นทางภูเขา มีความคดเคี้ยว ไม่สามารถเร่งความเร็วได้มากนัก โดยเฉพาะในช่วงฤดูฝน ที่ทำให้ถนนลื่น และมีดินจากภูเขา อาจเป็นอุปสรรคต่อการจราจรบ้าง

     ในช่วงฤดูผลไม้ ที่ด่านหูหงิมักประสบปัญหาการจราจรหน้าด่าน ผู้ส่งออกสามารถประสานผู้นำเข้าในการเลือกใช้ด่านต่าหลุ่ง (ตรงข้ามด่านสุยโข่ว) และด่านจ่าลิงห์ (ตรงข้ามด้านหลงปัง) ในการขนส่งสินค้าผ่านแดนจากไทยไปยังเขตปกครองตนเองกว่างซีจ้วง ประเทศจีนได้ ทั้งนี้ สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ กรุงฮานอย จะเป็นตัวกลางในการประสานงานกับด่านศุลกากรฝั่งเวียดนาม เพื่ออำนวยความสะดวกให้สินค้าผ่านแดนของไทย และประชาสัมพันธ์ไปยังกลุ่มบริษัทโลจิสติกส์เพื่อพิจารณาเลือกใช้ 2 ด่านนี้เพิ่มเติมต่อไป

 

บทความโดย
นางสาวพรรณกาญจน์ เจียมสุชน
ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ กรุงฮานอย